"อนุทิน" ผนึกบิ๊กคอร์ป ล็อบบี้เครือข่ายทั่วโลก หนุนไทยคว้าเจ้าภาพเอ็กซ์โป
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. กระทรวงสาธารณสุข ร่วมประชุมกับภาคเอกชนไทยซึ่งมีเครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศทั่วโลก เพื่อขอความร่วมมือในการสนับสนุน “ประเทศไทย” เสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงาน Specialised Expo 2027/2028 ภายใต้ชื่องาน “Expo 2028 Phuket Thailand”
ก่อนถึงโค้งสุดท้าย! ชิงชัยแข่งกับอีก 4 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐ เซอร์เบีย สเปน และอาร์เจนตินา รู้ผลว่าใครจะได้เป็นเจ้าภาพในเดือน มิ.ย.นี้
หวังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คณะกรรมการจากองค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau International des Expositions หรือ BIE) ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การจัดงาน Specialised Expo (เอ็กซ์โปวาระพิเศษ) และการลงคะแนนเสียงจากประเทศสมาชิก 171 ประเทศ ตลอดจนร่วมกันประชาสัมพันธ์การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพของประเทศไทยให้คนไทยทั่วประเทศรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ร่วมสนับสนุนการชิงชัยครั้งนี้!
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว. สธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand ยืนยันว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งหรือได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามา การผลักดันให้ภูเก็ตเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โปในปี 2571 ถือเป็น “วาระแห่งชาติ” และไทยต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คณะกรรมการจาก BIE ให้ได้!
“แม้ตอนนี้เรายังไปไม่ถึงครึ่งทาง แต่มาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เราได้ใช้ทุกอย่างที่มีไปนำเสนอต่อประชาคมโลกเมื่อกลางปีที่แล้วเมื่อเดือน มิ.ย.2565 ซึ่งไทยต้องแข่งกับอีก 4 ประเทศเพื่อชิงคะแนนเสียงโหวตจากประเทศสมาชิก BIE”
โดยจากการนำเสนอของทั้ง 5 ประเทศ มั่นใจว่าประเทศไทยดูมีความพร้อมมากกว่าประเทศอื่น หากไม่มีปัจจัยอื่น เช่น การเมือง หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง มองว่าประเทศไทยจะชนะแน่! อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบภูมิรัฐศาสตร์ของทั้ง 5 ประเทศตลอดจนสภาพอากาศ จะเห็นได้ว่า “ภูเก็ต” ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวและธุรกิจได้เปรียบประเทศอื่น ด้านการใช้วีซ่าเดินทางเข้าประเทศไทยก็ง่ายกว่าการที่คนเอเชียต้องขอวีซ่าเดินทางไปยัง 4 ประเทศคู่แข่ง ขณะเดียวกันวิทยาการทางการแพทย์และการต้อนรับของไทยก็ได้เปรียบ ทำให้งานนี้ไทยมีความพร้อมมากกว่าประเทศอื่น!
“สำหรับผมมองว่าตอนนี้เหลือเพียงอย่างเดียวคือการบริหารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อขอเสียงสนับสนุนให้ได้เกินกึ่งหนึ่งของการลงคะแนนเสียงจากประเทศสมาชิก BIE กว่า 171 ประเทศ ทำให้ทุกครั้งที่มีการประชุมระหว่างประเทศ เช่น เอเปค 2022 รวมถึงการพบคณะทูตของประเทศต่างๆ ทางรัฐบาลไทยได้ขอให้ช่วยสนับสนุน โดยบางประเทศในตะวันออกกลางได้ขอให้ไทยสนับสนุนเขาในการเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ระดับโลกเช่นกัน ถ้าเราสนับสนุนเขา เขาก็พร้อมสนับสนุนเรา ขณะเดียวกันการขอความร่วมมือจากเครือข่ายเอกชนในเวทีโลกถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้ประเทศไทยมีโอกาสสูงมากขึ้น”
ทั้งนี้ การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand กำหนดจัดในช่วงระหว่างวันที่ 20 มี.ค.-17 มิ.ย. 2571 ใช้พื้นที่ในการจัดงานรวม 141 ไร่ บริเวณตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
“ทางกรมธนารักษ์ได้ให้ที่ดินตรงหาดไม้ขาวมา 100 กว่าไร่ ไม่ว่าประเทศไทยจะได้รับการคัดเลือกให้จัด หรือไม่ได้จัดงานเอ็กซ์โปฯ กระทรวงสาธารณสุขเตรียมพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นศูนย์การแพทย์และสุขภาพของฝั่งทะเลอันดามันอยู่แล้ว หากประเทศไทยชนะผลโหวตให้เป็นเจ้าภาพ เรามีเวลาเตรียมความพร้อมถึง 5 ปีกว่าจะถึงวันจัดงาน”
สำหรับประโยชน์สำคัญ 4 ด้านหลักที่ประเทศไทยจะได้รับ หากได้รับสิทธิการจัดงาน ได้แก่ 1. ด้านเศรษฐกิจ จะมีเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในประเทศจากนักเดินทางทั้งคนไทยและต่างชาติรวมกว่า 4.92 ล้านคนจาก 106 ประเทศ มีเงินสะพัดกว่า 49,231 ล้านบาท และมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) มากกว่า 39,357 ล้านบาท
2. ด้านการพัฒนาเมือง ของจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดในกลุ่มอันดามันคลัสเตอร์ ได้แก่ กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสุราษฎร์ธานี รวมถึงโอกาสการกระจายรายได้ของนักเดินทางต่างชาติในการจับจ่ายใช้สอยไปยังทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
3. ด้านการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในการเป็นจุดหมายปลายทางด้าน “ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หรือ Medical Hub ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้” โดยจะก้าวสู่การเป็น “ศูนย์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก” ช่วยยกระดับทุกพื้นที่ทั่วประเทศให้เป็นเมืองด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
และ 4. ด้านการบริหารและพัฒนาพื้นที่หลังการจัดงาน ในกรณีของจังหวัดภูเก็ต พื้นที่ อาคาร และสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด จะพัฒนาเป็นศูนย์บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับนานาชาติครบวงจร ศูนย์อภิบาลผู้สูงอายุนานาชาติ ศูนย์ใจรักษ์ และศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูครบวงจร ซึ่งก่อให้เกิดการพัฒนาทั้งด้านการแพทย์ สุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลวชิระ ภูเก็ต นอกจากนั้นยังมีการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์ประชุมนานาชาติ และ Ecological Park อีกด้วย
ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม ประธานที่ปรึกษา สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า คณะกรรมการ BIE ให้ความสำคัญกับ 2 เรื่องหลัก ได้แก่ “การบริหารจัดการพื้นที่หลังการจัดงาน” (Legacy Planning) พื้นที่จัดงานต้องมีการต่อยอดอย่างสร้างสรรค์ภายหลังการจัดงานเสร็จสิ้นลง โดยทางจังหวัดภูเก็ตได้วางแผนพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็น “ศูนย์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก” นอกจากนี้คือ “การมีส่วนร่วมของผู้คน”
จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า “ทีเส็บ” นำเสนอความคืบหน้าในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand ต่อที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงจากสมาคมและหน่วยงานหลักของภาคเอกชนไทยที่เข้าร่วมงานในกลุ่มธุรกิจ อาทิ กลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มโรงแรม กลุ่มสายการบิน กลุ่มรีเทล และกลุ่มเครื่องดื่ม รวมถึง สภาหอการค้าฯ และสมาคมธนาคารไทย วานนี้ (20 ก.พ.) เพื่อร่วมกันสนับสนุนการประมูลสิทธิครั้งนี้
กิจกรรมสำคัญที่จะจัดขึ้นต่อไปคือ การจัดงาน “Expo 2028 Phuket Thailand Symposia” เชิญกลุ่มเป้าหมายคณะกรรมการและประเทศสมาชิก BIE เข้าร่วมงาน เพื่อรับฟังข้อมูลแนวคิดหลัก และจุดยืนของประเทศไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ พร้อมทั้งนำเสนอศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตและประเทศไทยในการจัดงานภายใต้แนวคิด “Future of Life: Living in Harmony, Sharing Prosperity” หรือ ชีวิตแห่งอนาคต แบ่งปันความรุ่งเรือง อยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว โดยมีกำหนดจัดงานขึ้นในวันที่ 22 ก.พ.นี้ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ