เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) กล่าวถึงการที่ไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ครั้งที่ 16 (The 16th World Chinese Entrepreneurs Convention :WCEC) ถือเป็นโอกาสดีที่ไทยรับหน้าที่ต้อนรับนักธุรกิจชาวจีนจากทุกมุมโลก คาดการณ์กว่า 4,000 คน โดยจะจัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ ช่วงระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายนนี้ นั้น

 

นายเกรียงไกรกล่าวว่า การจัดงานดังกล่าวจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยแน่นอน สะท้อนจากที่จีนเปิดประเทศเมื่อวันที่ 8 มกราคม นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งสนับสนุนให้ภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง และผลจากที่ทางการจีนใช้มาตรการโควิดเป็นศูนย์มา 2 ปี ทำให้นักลงทุนรีบกระจายตัวออกจากประเทศเดินทางติดต่อธุรกิจในไทย เพราะไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายของประเทศจีน ที่นอกเหนือจากไทยเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยว ขณะนี้นักลงทุนจีนมองว่าไทยเป็นฐานการผลิตใหม่ที่จะเลือกเข้ามาลงทุนด้วยเช่นกัน

 

เป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนจีนที่กำลังย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เพื่อมาลงทุนในภูมิภาคนี้ และรวมถึงเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ในอนาคต ขณะเดียวกัน ไทยจะได้ประโยชน์จากการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้รายได้เข้าประเทศ รวมถึงเกิดการจ้างงานในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีการลงทุนมากขึ้น

 

“ถือว่าการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้เป็นโอกาส เพราะจะมีการเจรจาจับคู่ธุรกิจและการพูดคุยถึงโอกาสใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมที่สามารถเชิญชวนนักลงทุนใหม่เข้ามาลงทุนมากขึ้น หากมีการเข้าร่วมทุนกับไทยและมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ๆ ถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศที่จะเรียนรู้นวัตกรรม ซึ่งก็ขึ้นยู่กับแต่ละดีลร่วมทุน” นายเกรียงไกรกล่าว

 

นายเกรียงไกรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ไทยต้องผลักดันเรื่องการขนส่งให้มากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้จีนได้ผลักดันไทยมาโดยตลอด เพราะจีนอยากให้ไทยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 หรือ Belt and Road Initiative (BRI) คือการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งเส้นทางคมนาคม เช่น ถนน รถไฟ ทางยกระดับ ท่าเรือ รวมถึงพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตลอดเส้นทาง แต่ช่วงที่ผ่านมา ไทยยังดำเนินการได้ไม่รวดเร็ว เช่น การสร้างเส้นทางรถไฟได้เร็วตามที่จีนวางผังเวลาไว้

 

ดังนั้น สิ่งที่ไทยควรรีบผลักดันคือการเร่งการเชื่อมต่อให้สมบูรณ์ หากเทียบกับประเทศ สปป.ลาว มีการสร้างรถไฟเชื่อมต่อจีนสำเร็จแล้ว และมีการขนส่งสินค้าสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งไทยก็มีการส่งสินค้ากับรถไฟเชื่อมนี้ แต่เป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับการขนส่งมากขึ้น หากไทยสามารถสร้างระบบรถไฟเสร็จเร็วจะเป็นผลดีมากขึ้น

 

“ฝากไว้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามโครงการเดิมที่ไทยทำร่วมกับจีนควรจะพิจารณารีบเร่งการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ เพื่อการใช้ประโยชน์และเกิดเป็นมรรคผลเร็วที่สุด” นายเกรียงไกรกล่าว

 

 

 

ที่มา : มติชน