"จุรินทร์" เปิดทีมเศรษฐกิจ ลุยสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ อัดฉีดเงิน 1 ล้านล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม เวลา 11.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมทีมเศรษฐกิจบางส่วน เพื่อหารือถึงนโยบายเพิ่มเติมในเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากประชาธิปัตย์ได้มีโอกาสเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม, ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต, นายเกียรติ สิทธีอมร, ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์, น.ส.วทันยา บุนนาค, ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ, ดร.สรรเสริญ สมะลาภา และนายอลงกรณ์ พลบุตร เป็นต้น
 
นายจุรินทร์ได้กล่าวถึงภาพรวมของการกำหนดทิศทางขับเคลื่อนประเทศว่า พรรคจะเดินหน้ายุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” เป็นกรอบใหญ่ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศ สำหรับด้านเศรษฐกิจนั้น ประชาธิปัตย์จะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจมหภาค และเศรษฐกิจทันสมัย ซึ่งจะมีเศรษฐกิจอนาคตรวมอยู่ด้วย
 
สำหรับเศรษฐกิจฐานราก จะได้มุ่งเน้นทั้งเรื่องการให้ความสำคัญกับการเกษตร อุตสาหกรรม รวมถึงการท่องเที่ยว สำหรับเป็นพื้นฐานเรื่อง “สร้างเงิน” ให้ประเทศ โดยจะมีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับพืชเศรษฐกิจ ปศุสัตว์ ประมง SMEs หมู่บ้าน/ชุมชน และผู้ใช้แรงงาน เป็นต้น
 
ส่วนเศรษฐกิจมหภาค จะมุ่งเน้นเรื่องการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เป็นเป้าหมายหลัก
 
ส่วนเศรษฐกิจทันสมัย รวมถึงเศรษฐกิจอนาคตนั้น จะได้เน้นเรื่องการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีด้านเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ควบคู่กันไป อาทิ Silver Economy ที่จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุเข้ามามีบทบาทสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซอฟต์เพาเวอร์ Renew Economy, Social Economy, Digital Economy เป็นต้น
 
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงนโยบายสำหรับกรุงเทพมหานครว่า พรรคได้มีการแถลงนโยบายไปแล้ว และยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ที่ประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญ และนโยบายกรุงเทพฯ จะมี 2 ส่วน ส่วนที่ 1 นโยบายรวมของพรรค ส่วนที่ 2 นโยบายเฉพาะในส่วนทีมกรุงเทพมหานคร
 
โดยนโยบายรวมที่เกี่ยวพันกับคนกรุงเทพฯ เช่น การจัดตั้งธนาคารชุมชนกว่า 2,800 ชุมชนทั่วกรุงเทพฯ ชุมชนละ 2 ล้านบาท รวมถึงการจัดให้มีอินเตอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุดทั่วประเทศ โดย 1 แสนจุด จะเป็นของกรุงเทพฯ เพื่อให้อินเตอร์เน็ตมีส่วนในการขับเคลื่อน หรือใช้ประโยชน์ในการ “สร้างเงิน” ให้กับทั้งชาวกรุงเทพฯ และกลุ่ม SMEs ต่างๆ ในชุมชนของกรุงเทพฯ รวมไปถึงการใช้ประโยชน์สำหรับการเข้าถึงองค์ความรู้ต่างๆ ด้วย
 
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรี สาขาที่ตลาดต้องการ ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี ใช้บัตรประชาชนใบเดียว ชมรมผู้สูงอายุรับ 30,000 บาท ทุกชุมชน/หมู่บ้าน SMEs ต้องมีแต้มต่ออย่างน้อย 3 แสนล้านบาท ปลดล็อก กบข. และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้สามารถซื้อบ้านได้ สามารถลดหนี้ได้ในทันที และสามารถนำเงินที่จะต้องไปใช้หนี้นั้นไปสร้างเงินให้กับข้าราชการ และผู้ใช้แรงงานได้ รวมถึงนโยบายอื่นๆ เช่น นมโรงเรียนฟรี 365 วัน ด้วย
 
ส่วนกรณีที่ผู้สื่อข่าวถามถึงที่มาของงบประมาณในการดำเนินนโยบายนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า เรื่องนี้จะมีเงินแต่ละแหล่งของนโยบาย ทั้งในส่วนของงบประมาณแผ่นดิน และแหล่งเงินอื่นๆ ที่มีอยู่ในจุดต่างๆ ซึ่งเราได้ดูอย่างรอบคอบทั้งหมดแล้ว โดยมีหลักใหญ่ว่าจะไม่เน้นการสร้างหนี้สาธารณะเพิ่มโดยไม่จำเป็น
 
ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่าจากผลสำรวจที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่อยู่ในอันดับต้นๆ นายจุรินทร์กล่าวว่า ในการเลือกตั้งเที่ยวหน้า มีบัตร 2 ใบ คือบัตรเลือกผู้สมัคร และบัตรเลือกพรรค ซึ่งตนมั่นใจว่า สำหรับผู้สมัครของเรา พรรคได้คัดคนที่มีคุณภาพ ศักยภาพที่ดีที่สุดยุคหนึ่ง ที่นำเสนอให้คนกรุงเทพฯ แล้ว ส่วนพรรคเราก็มั่นใจว่าเสียงตอบรับพรรคประชาธิปัตย์ดีขึ้นเป็นลำดับ ส่วนโพลนั้นก็อยู่ที่ว่าเป็นโพลสำนักไหน และอยู่ที่การสำรวจในแต่ละช่วงเวลา ขอไม่ไปวิจารณ์โพล แต่เราก็มีความมั่นใจ จากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทุกเสียงได้สะท้อนมาในลักษณะใกล้เคียงกันว่า เสียงตอบรับประชาธิปัตย์ดีขึ้น
 
“เรามั่นใจของเราว่าเสียงตอบรับใน กทม. ดีขึ้นเป็นลำดับ และจะต้องทำงานหนักไปจนกระทั่งวันสุดท้ายที่สามารถจะหาเสียงได้ แต่ไม่ได้จบเท่านี้ หลังจากนั้นก็ยังต้องทำต่อไป เพราะประชาธิปัตย์ กับ กทม. ผูกพันกันมายาวนาน และยามทุกข์ยามสุขเราก็ไม่เคยทิ้งคนกรุงเทพฯ ตอนโควิดมีกี่พรรคก็นับนิ้วได้ที่ลงไปช่วยดูแลคนกรุงเทพฯ ประชาธิปัตย์ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ทำอย่างต่อเนื่อง” นายจุรินทร์กล่าว
 
พร้อมกับเพิ่มเติมเรื่องการจัดสรรผู้สมัครของพรรคทั่วประเทศว่า ตอนนี้ในเบื้องต้นได้จัดสรรไว้ครบ 400 เขตแล้ว และบัญชีรายชื่อก็ครบ 100 คนแล้ว เพียงแต่ต้องรอการทำไพรมารี ซึ่งพรรคจะทำ 3 วัน ระหว่างวันที่ 25-27 มีนาคม เมื่อผลการทำไพรมารี 77 จังหวัดจบเมื่อไร และเห็นชอบผู้สมัครเขตครบ 400 คน บัญชีรายชื่อครบ 100 คน ก็จะประกาศให้ทราบต่อไป ดังนั้นก็ถือว่าประชาธิปัตย์พร้อมแล้ว สำหรับการลงสนามการเลือกตั้งที่จะมาถึง
 
 
ที่มา : มติชน
 

@Admin TVBC

สนใจสมัครสมาชิกหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายเลขานุการฯ
โทร: 02-018-6888 ต่อ 4340
Email: tvbc.secretariat@gmail.com

:)