เอกชนปักธงซาอุฯ แนะมีโอกาสรุกธุรกิจสุขภาพ-การแพทย์
เอกชนปักธงซาอุฯ แนะมีโอกาสรุกธุรกิจสุขภาพ-การแพทย์
นายศรัณยู ชเนศร์ รองประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท เปิดเผยว่า การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย ทำให้โอกาสของประเทศไทยมีขึ้นในแง่อุตสาหกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์ ซึ่งชาวซาอุฯ อยากได้ความสะดวกสบายในแง่สุขภาพมาก ต้องการมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่ได้มองในเรื่องการซ่อม แต่เป็นการสร้างหรือการป้องกันในด้านสุขภาพ โดยธุรกิจสุขภาพของไทยถือว่าอยู่ในระดับโลก
นายศรัณยู กล่าวว่า ชาวซาอุฯ ชื่นชอบการนวดเพื่อความผ่อนคลายมาก แต่ที่ผ่านมาอนุญาตให้ผู้ที่สามารถนวดได้ ต้องเป็นคนระดับสูงเท่านั้น ในกลุ่มคนทั่วไปยังไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งตรงนี้ถือเป็นโอกาสของประเทศไทย เพราะเมื่อมีการนำธุรกิจสปา นวดแผนไทย หรือสุขภาพต่างๆ ออกไปข้างนอก สิ่งที่ตามไปด้วยคือ สมุนไพรทั้งหลาย เพราะในสปาหากมีนวดแผนไทย หรือสปาแผนไทย ก็มักมีสมุนไพรไทยติดอยู่ด้วย ถือเป็นโอกาสของไทยในแง่ธุรกิจสุขภาพ ธุรกิจสปาและนวดแผนไทย
นายศรัณยู กล่าวว่า ในภาพรวมพบว่า เมื่อมีปัญหาสุขภาพ ชาวซาอุฯ เลือกเข้ารับการรักษาในประเทศสหรัฐ และเยอรมนี ซึ่งถือเป็นประเทศ 2 อันดับแรกที่ไปใช้บริการรักษาทางสุขภาพมากที่สุด ส่วนอันดับที่ 3 เป็นของไทย โดยการเข้ามาในไทยจะเป็นการเข้ามาในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ คือ เป็นการรับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนของไทย และท่องเที่ยวไปในตัวด้วย ซึ่งในแผนขับเคลื่อนซาอุฯ 2030 ให้ความสำคัญด้านสุขภาพค่อนข้างมาก จึงถือเป็นโอกาสของประเทศไทย ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมทางการแพทย์ และการนวดแผนไทยด้วย
“อีกโอกาสที่มองข้ามไม่ได้คือ การเข้าไปลงทุนด้านโรงพยาบาลในซาอุฯ ซึ่งรัฐบาลซาอุฯ สามารถสนับสนุนได้ถึง 70% ทำให้เราสามารถถือเงินลงทุนไปเพียง 30% เท่านั้น หมายความว่าหากเอกชนมีความสนใจในการไปลงทุนสร้างโรงพยาบาลในซาอุฯ ก็ยังมีโอกาสอยู่ เพราะโรงพยาบาลไทยถือว่ามีจุดแข็งที่แตกต่าง อาทิ การบริการ” นายศรัณยู กล่าว
ที่มา : มติชน