เปิดเส้นทางซีพีเอฟ ร่วมพัฒนาเศรษฐกิจอินเดีย

เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และกลุ่มบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) มีปรัชญา "3 ประโยชน์" เป็นหลักการพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจ
 
กล่าวคือ ธุรกิจที่ทำ ต้องก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อประเทศ ที่เข้าไปลงทุน ต่อประชาชนในประเทศนั้น อันจะส่งผลให้ก่อประโยชน์ต่อองค์กรตามมา ดังปรากฏผลแล้วในหลายๆประเทศที่ซีพี-ซีพีเอฟเข้าไปลงทุน
 
“อินเดีย” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ซีพีเอฟภาคภูมิใจด้วยตลอดระยะเวลา 3 ทศวรรษที่ผ่านมา (1993-2023) บริษัทมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอินเดียอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ธุรกิจสัตว์น้ำ” ที่มี
จุดเริ่มต้นจากการเยือนประเทศไทยของอดีตนายกรัฐมนตรีอินเดีย P.V. Narasimha Rao ในปี 1992 ซึ่งได้เชื้อเชิญให้เครือเจริญโภคภัณฑ์ เข้าลงทุนในประเทศอินเดียด้วยเป้าประสงค์ 2 ประการคือ
 
1.) ต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิต “อาหารสัตว์น้ำ” ในอินเดียให้เข้าสู่มาตรการสากล โดยใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก เพื่อให้เกษตรกรชาวอินเดียมีอาหารสัตว์น้ำที่มีคุณภาพใช้ในการประกอบอาชีพต่อไป
 
2.) ต้องการ “องค์ความรู้” ด้านเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยง “กุ้ง” เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ ซึ่งในที่สุดเครือเจริญโภคภัณฑ์และซีพีเอฟก็เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้อินเดียกลายเป็นผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่ ระดับ Top 3 ของโลกในปัจจุบัน
 
การลงทุนในประเทศอินเดียของซีพีเอฟ เริ่มต้นขึ้นด้วย “ธุรกิจสัตว์น้ำ” โดยประธาน “ธนินท์ เจียรวนนท์” ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ มอบหมายให้ ดร.ชิงชัย โลหะวัฒนะกุล และ ดร.พงษ์ วิเศษไพฑูรย์ นำทีมเข้าบุกเบิกธุรกิจในปี 1993
 
ด้วยรูปแบบธุรกิจครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ การพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงไปจนถึงการผลิตเป็นอาหารมนุษย์ (Feed-Farm-Food) ก่อนขยายการลงทุนไปยัง “ธุรกิจสัตว์บก” ในเวลาต่อมา
 
บนเส้นทางการบุกเบิกธุรกิจของบริษัทต่างชาติในดินแดนต่างถิ่นมิได้ราบรื่นง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศอินเดียที่มีอุปสรรคและข้อจำกัดบางประการ อันเป็นลักษณะเฉพาะสำหรับประเทศที่มีสัดส่วนจำนวนประชากรกับทรัพยากรภายในประเทศที่ไม่สอดคล้องกัน
 
เช่น “พลังงานไฟฟ้า” หนึ่งในทรัพยากรที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนภายในประเทศ ขณะเดียวกันก็มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการดำเนินธุรกิจของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งกรณีนี้ภาครัฐของประเทศอินเดีย ได้แสดงบทบาทสะท้อนถึงการส่งเสริมและให้ความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภายในประเทศ โดยดำเนินการจัดหาและจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างเหมาะสม
 
นอกเหนือจากการได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายที่ส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐประเทศอินเดียแล้ว “สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ไทยในประเทศอินเดีย” ในฐานะตัวแทนภาครัฐบาลไทย เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยเสริมสำคัญที่สนับสนุนความสำเร็จและการก้าวข้ามอุปสรรค ตลอดเส้นทางการดำเนินธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศอินเดียของซีพีเอฟ
 
โดยแสดงบทบาทเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญในการ เป็นตัวแทนประเทศไทย อยู่เคียงข้างและพร้อมให้การ สนับสนุนแก่ผู้ประกอบกา ไทยที่มาลงทุน และดำเนินกิจการอยู่ในประเทศอินเดียด้วยดีเรื่อยมาเช่นเดียวกันกับบริษัท/ผู้ประกอบการไทยรายอื่นๆในประเทศอินเดีย
 
 
เครือเจริญโภคภัณฑ์และซีพีเอฟเป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่ได้รับการดูแลและสนับสนุนอย่างดียิ่ง จากสถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ไทย ล่าสุด นายนิธิรุจน์ โผนประเสริฐ กงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน ได้นำคณะผู้บริหารของบริษัท เข้าพบ Dr.Jawahar Reddy, Chief Secretariat (ปลัดสำนักมุขมนตรี หรือเทียบเท่าปลัดกระทรวงมหาดไทย) ณ เมืองวิเจยาวารา รัฐอานธรประเทศ เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2023 เพื่อหารือประเด็นการใช้พลังงานไฟฟ้าของโรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำ สาขาเมืองราชมันดี โดยได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี สะท้อนให้เห็นบทบาทภาครัฐของอินเดียที่ให้ความสำคัญต่อผู้ประกอบการต่างชาติด้วยดีเสมอมา
 
ปัจจุบัน ธุรกิจสัตว์น้ำของ CPF India มีโรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำและเวชภัณฑ์สัตว์น้ำจำนวน 4 แห่ง ตั้งอยู่ใน 4 เมืองทางตอนใต้ของประเทศ ได้แก่ เมือง Chennai, เมือง Viziana garam, เมือง Bhimavaram และเมือง Rajahmundry
 
นอกจากนี้ยังมี โรงงานผลิตเวชภัณฑ์สัตว์น้ำ จำนวน 1 แห่ง และโรงเพาะฟักลูกพันธุ์กุ้ง จำนวน 9 แห่ง โดยว่าจ้างพนักงานประจำซึ่งเป็นคนท้องถิ่น จำนวน 1,870 คน!!!
 
 
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

@Admin TVBC

สนใจสมัครสมาชิกหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายเลขานุการฯ
โทร: 02-018-6888 ต่อ 4340
Email: tvbc.secretariat@gmail.com

:)