กรกฏาคมนี้ส่งออกไทยสะเทือนแน่ อียูไฟเขียวFTAกับเวียดนามแล้ว

รัฐสภาสหภาพยุโรป (อียู) ลงมติด้วยคะแนนเสียง 401-192 อนุมัติข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับเวียดนาม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ค. นี้ 
 
สหภาพยุโรป ระบุว่า เวียดนามมีความคืบหน้าในด้านการรักษาสิทธิของแรงงาน และการมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหภาพยุโรป จะทำให้สหภาพยุโรปสามารถส่งเสริมการปฏิรูปในเวียดนาม
 
ข้อตกลงดังกล่าวมีความครอบคลุมมากที่สุดของสหภาพยุโรป ที่ทำไว้กับประเทศกำลังพัฒนา และเป็นข้อตกลงฉบับที่ 2 ที่ทำไว้กับประเทศในสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) หลังจากที่สหภาพยุโรปมีการทำข้อตกลงก่อนหน้านี้กับสิงคโปร์
 
ภายหลังข้อตกลงฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะทำให้สินค้าของสหภาพยุโรป 65% ที่ส่งออกไปเวียดนาม และสินค้าเวียดนาม 71% ที่ส่งออกไปสหภาพยุโรปได้รับการยกเว้นภาษีในทันที จากนั้นจะทยอยลดอัตราภาษีศุลกากรระหว่างสองฝ่ายทั้งหมดภายในระยะเวลา 10 ปี
 
นอกจากนี้เอฟทีเอ อียู-เวียดนาม ยังเอื้อประโยชน์ต่อการส่งออกสิ่งทอ, รองเท้า และเฟอร์นิเจอร์ไม้ของเวียดนามไปยังสหภาพยุโรป โดยจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีราว 99% ที่มีการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป ขณะที่เวียดนามมีเวลาเปลี่ยนผ่าน 10 ปีสำหรับสินค้านำเข้าจาก สหภาพยุโรป เช่น รถยนต์และเบียร์
 
ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ของไทยวิเคราะห์ผลกระทบของความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรป – เวียดนามต่อการส่งออกสินค้าไทย พบว่า กลุ่มสินค้าที่ไทยน่าจะได้รับผลกระทบ เช่น ยานพาหนะและส่วนประกอบ พร้อมเตอนให้ผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไทยต้องพร้อมรับมือกับผลกระทบจากการย้ายฐานการผลิตรถยนต์ไปยังเวียดนามรวมทั้งควรเร่งปรับตัววางแผนการผลิตและการตลาดเพื่อเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต 
 
ขณะที่คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า เวียดนามมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้นและอาจได้รับผลกระทบจากการย้ายฐานการผลิตไปเวียดนาม ดังนั้นไทยจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนาทักษะด้านแรงงาน ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันเครื่องนุ่งห่ม 
นอกจากนี้ข้อตกลงเอฟทีเอ อียู-เวียดนาม ยังเอื้อประโยชน์ให้แก่สินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนามเข้าสู่ตลาดยุโรปมากขึ้น เพราะเวียดนามยังได้เปรียบไทยในด้านค่าจ้างแรงงานที่มีราคาต่ำกว่า และมีแรงงานจำนวนมาก ผู้ประกอบการเครื่องนุ่งห่มไทยต้อง นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย การใช้เส้นใยที่มีคุณสมบัติพิเศษ รวมทั้งการสร้างแบรนด์เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกและขยายฐานการตลาดให้กว้างขึ้นด้วยการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ 
 
ส่วนข้าว ไทยยังมีข้อได้เปรียบด้านการเป็นที่รู้จักและการได้รับการยอมรับในคุณภาพของข้าวหอมมะลิไทย แต่ควรมีการพัฒนาการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดยุโรป และการประชาสัมพันธ์เอกลักษณ์ของข้าวหอมมะลิไทยที่แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ให้สามารถเพิ่มโอกาสการส่งออกข้าวที่มีราคาสูง รวมทั้งสำหรับตลาด niche เช่น ข้าวอินทรีย์และข้าวสีต่างๆ รวมทั้งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น บล็อกเชนมาประยุกต์ใช้ในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในอาหารให้แก่ผู้บริโภค
 
ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแปรรูป ได้แก่ กุ้ง ปลา ปลาหมึก เวียดนามมีการคาดการณ์ว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของเวียดนามปี 2562 จะมีแนวโน้มเติบโตสูงมากจากความตกลง เอฟทีเอ สหภาพยุโรป-เวียดนาม ผู้ประกอบการไทยจึงควรเข้าใจแนวโน้มพฤติกรรมการบริโภคของชาวยุโรป พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อส่งออกสินค้าได้ตรงกับความต้องการของตลาด ให้ความสำคัญกับการรักษาทรัพยากรทางทะเลและการทำประมงอย่างถูกกฏหมาย 
 
ด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยในยุโรป คือ เยอรมนี และยังเป็นตลาดที่สามารถขยายตัวได้ ผู้ประกอบการไทยต้องเข้าใจถึงสภาพตลาดและติดตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคยุโรป เพื่อที่สามารถออกแบบและส่งออกสินค้าได้ตรงกับความต้องการ โดยสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยมีจุดแข็งด้านฝีมือของช่างผู้ผลิตและคุณภาพของสินค้า
 
นอกจากนี้เวียดนามก็เป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยการที่สินค้าจากสหภาพยุโรปได้เปรียบจากข้อยกเว้นด้านภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม อาจทำให้สินค้าไทยบางรายการแข่งกับสหภาพยุโรปในตลาดเวียดนามได้ลดลง ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
 
 
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ 
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563

@Admin TVBC

สนใจสมัครสมาชิกหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายเลขานุการฯ
โทร: 02-018-6888 ต่อ 4340
Email: tvbc.secretariat@gmail.com

:)