ประเทศไทยมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าเวียดนามประมาณ 2 เท่า และประชากรรายได้เฉลี่ยต่างกันเกือบ 3 เท่า

ทั้งนี้เนื่องจากประชากรไทยมีประมาณ 69 ล้านคน ในขณะที่เวียดนามมีประชากรสูงถึง 95 ล้านคน

 

ไทยมีหนี้สาธารณะ คิดเป็นประมาณ 41% ของตัวเลขจีดีพี และคิดเป็นประมาณ 98% ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ

ขณะที่เวียดนาม มีหนี้สาธารณะคิดเป็น 56% ของตัวเลขจีดีพี และคิดเป็นประมาณ 174% ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ

 

แม้ขนาดเศรษฐกิจจะต่างกันประมาณ 2 เท่า แต่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงหลังนี้ ก็ต่างกันเกือบ 2 เท่าด้วยเช่นกัน

 

ถ้าเราคำนวณคร่าวๆ ว่าไทยและเวียดนาม ยังคงเติบโตด้วยอัตราเท่านี้ไปได้เรื่อยๆ โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

 

ในปี 2052 หรือใช้เวลาอีก 32 ปี เวียดนามจึงจะมีขนาดเศรษฐกิจที่มากกว่าไทย

 

ในตอนนั้นเวียดนาม จะมีขนาดเศรษฐกิจประมาณ 49.3 ล้านล้านบาท

 

ในขณะที่ประเทศไทย จะมีขนาดเศรษฐกิจประมาณ 48.2 ล้านล้านบาท

 

ถ้านับคนรวยที่สุดในไทย คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ถูกจัดอันดับให้เป็นคนรวยอันดับ 81 ของโลก ด้วยทรัพย์สินประมาณ 455,000 ล้านบาท

ส่วนคนรวยที่สุดในเวียดนามคือคุณ Pham Nhat Vuong ซึ่งมีทรัพย์สินประมาณ 195,000 ล้านบาท เป็นคนรวยอันดับ 286 ของโลก

 

บริษัทที่รวยที่สุดในไทยอย่าง ปตท. มีกระทรวงการคลังถือหุ้น 51% ทำธุรกิจด้านพลังงานเป็นหลัก

ในขณะที่บริษัทรวยที่สุดของเวียดนาม เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจครอบคลุมหลากหลาย ตั้งแต่แต่อสังหาริมทรัพย์ ศูนย์การค้า โรงแรมรีสอร์ท โรงพยาบาล ร้านค้าปลีก ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ และยานยนต์

 

 

ที่มา : Billion Mindset 

วันที่ 17 พฤษภาคม 2563