สงครามการค้าระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งกลับยืดเยื้อมาถึงนี้และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือหลายบริษัทกำลังหาทางหลบหลีกผลเสียหายอันเกิดจากสงครามนี้ด้วยการย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น หลายบริษัทได้ย้ายออกจากจีนมาทำการผลิตในอาเซียน ประเทศที่ได้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวนี้คือเวียดนาม

เหตุผลที่สำคัญคือเวียดนามได้เปรียบในจุดที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ อีกทั้งค่าลงทุนต่ำและรัฐบาลทุ่มเทสนับสนุนอย่างเต็มพิกัด อีกประเด็นหนึ่งคือเวียดนามไม่มีข้อขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ ทำให้เชื่อว่าโดนัลด์ ทรัมป์ คงไม่ตามไล่ล่าไปถึงเวียดนาม

เวียดนามก็มีความคืบหน้าเรื่องการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปและประเทศริมมหาสมุทรแปซิฟิกอีก 10 ชาติ จุดที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเวียดนามเอื้อต่อการขนส่งสินค้าทางทะเลไปทางตะวันออก และการนำเข้าวัตถุดิบทางบกจากจีนแผ่นดินใหญ่ก็ค่อนข้างสะดวก

Foxconn ซึ่งเป็นผู้รับเหมารายหลักในการประกอบโทรศัพท์มือถือ iPhones ที่มีโรงงานในจีนหลายแห่ง กำลังเจรจากับผู้บริหารของเวียดนามที่กรุงฮานอย หรือคณะกรรมการที่มีอำนาจตัดสินใจอย่าง Hanoi People’s Committee โดยมีเป้าหมายตั้งโรงงานประกอบโทรศัพท์ iPhone ขึ้นที่นั่น บริษัทผลิตหูฟังไร้สาย GoerTek ของจีนก็กำลังพิจารณาย้ายโรงงานจากจีนไปเวียดนามด้วยเหตุผลเดียวกัน

ยิ่งปีที่ผ่านมาจะเห็นการก้าวกระโดดของเงินลงทุนจากต่างประเทศที่มาลงเวียดนามอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ แจ้งว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ หรือ Foreign Direct Investment (FDI) โดยเฉลี่ยต่อปีเพิ่มขึ้นจาก 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างในปี 2000-2005 เป็น 8,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี ค.ศ.2008 ถึง 2014 สำหรับเวียดนาม “วิกฤติคือโอกาส” อย่างเห็นได้ชัด

ที่มา : ไทยโพสต์ ลงวันที่ 18 มกราคม 2562