FTA กับอังกฤษติดปีก ส่งออกข้าวเวียดนามทิ้งห่างไทย
ส่งออกข้าวเวียดนามติดปีกหนีไทย จับตาปี 64 ตลาดอังกฤษโตก้าวกระโดดหลังได้เอฟทีเอช่วย เผยปี 63 ราคาข้าวส่งออกขายได้เฉลี่ยสูงขึ้นเป็น 496 ดอลลาร์ต่อตัน ข้าวคุณภาพดีมีสัดส่วนกว่า 85%
ปี 2563 เวียดนามแซงไทยขึ้นเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 2 ของโลกรองจากอินเดีย และปีนี้โอกาสที่ไทยจะแซงเวียดนามกลับความหวังค่อนข้างริบหรี่ เมื่อเวียดนามได้พัฒนาข้าวคุณภาพดีออกสู่ตลาดมากขึ้น และขายได้ราคาเฉลี่ยที่สูงขึ้น และยังมีตัวช่วยจากที่ได้บรรลุความตกลงเขตการค้าเสรี(FTA)กับอังกฤษ
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต. / ทูตพาณิชย์) ณ นครโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลสื่อของเวียดนามว่า ภาพรวมสถานการณ์ข้าวเวียดนามปี 2563 จากข้อมูลกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม ในปี 2563 เวียดนามมีผลผลิตข้าวเปลือกรวมปริมาณ 42.8 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 0.2 เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่ลดลงประมาณ 192,000 เฮคเตอร์
อย่างไรก็ดี ผลผลิตต่อเฮคเตอร์เพิ่มขึ้น 50 กิโลกรัมต่อเฮคเตอร์เมื่อเทียบกับปี 2562 และ มีการขยายพื้นที่เพาะปลูกข้าวคุณภาพดีเพิ่มขึ้น เป็นสัดส่วนเป็นร้อยละ 74 ของพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั้งหมดของเวียดนาม เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 50 ของพื้นที่เพาะปลูกข้าวเวียดนาม อันเป็นผลมาจากความพยายามของเวียดนามในการเพิ่มมูลค่าข้าว ทำให้ปัจจุบันการส่งออกข้าวคุณภาพดีของเวียดนาม จึงมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 85 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยข้าวเวียดนาม ปี 2563 เพิ่มขึ้น จาก 440 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันในปี 2562 มาเป็น 496 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน
โดยในปี 2563 เวียดนามส่งออกข้าวรวม รวมปริมาณ 6.15 ตัน มูลค่า 3.07 พันล้านดอลลาร์ โดยปริมาณลดลงร้อยละ 3.5 ในขณะที่มีมูลค่าเพิ่ม ขึ้นร้อยละ 9.3 เทียบกับปีที่ผ่านมา
ในปี 2563 ผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของเวียดนาม ได้แก่ ฟิลิปปินส์คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 34 ของการส่งออกข้าวทั้งหมดของเวียดนาม เวียดนามส่งออกไปยังฟิลิปปินส์ ปริมาณ 2.22 ล้านตัน มูลค่า 1.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนตลาดส่งออกข้าวอื่นๆ ที่มีการส่งออกเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปี 2563 ได้แก่ อินโดนีเซีย (เพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2562) และจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 93 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
สำหรับทิศทางการส่งออกข้าวเวียดนามปี 2564 สมาคมอาหารเวียดนาม (Vietnam Food Association : VFA) คาดเวียดนามยังสามารถส่งออกข้าวได้ดีเนื่องจาก ตลาดส่งออกสำคัญของเวียดนามเช่น ฟิลิปปินส์ และแอฟริกายังคงมีการเซ็นสัญญาซื้อข้าวจากเวียดนาม ในขณะที่อีกหลายประเทศมีความต้องการข้าวหอม และข้าวเหนียวอย่างมากซึ่งเป็นโอกาสสำหรับการส่งออกของเวียดนาม นอกจากนั้น ความตกลงการค้าเสรี ทวิภาคีและพหุภาคีระหว่างเวียดนามกับประเทศต่างๆ อาทิ เช่น ความตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรปเวียดนาม (The EU-Vietnam Free Trade Agreement - EVFTA) และความตกลงการค้าเสรีระหว่าง อังกฤษ - เวียดนาม (The UK-Vietnam free trade agreement - UKVFTA) สร้างข้อได้เปรียบจากสิทธิพิเศษทางภาษีทำให้ข้าวเวียดนามสามารถแข่งขันกับประเทศผู้ส่งออกอื่นได้มากขึ้น
นาย Nguyen Canh Cuong (เหงียน กั๋น เกื่อง) ที่ปรึกษาการค้าของเวียดนามใน สหราชอาณาจักรกล่าวว่า การส่งออกข้าวไปยังสหราชอาณาจักร(อังกฤษ)ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับ ปี 2563 บริษัทในสหราชอาณาจักรหลายรายมีความต้องการซื้อข้าวเวียดนามภายใต้ความตกลง UKVFTA สร้างโอกาสให้ข้าวเวียดนาม ขยายส่วนแบ่งการตลาดในสหราชอาณาจักรในปีนี้ จากปี 2562 การส่งออกข้าวจากเวียดนามไปยังสหราชอาณาจักรเติบโตอย่างก้าวกระโดดโดยมีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น ร้อยละ 376 ทำให้คาดหมายว่าสหราชอาณาจักรเป็นตลาดส่งออกข้าวที่มีศักยภาพสูงของเวียดนาม
เพื่อใช้ประโยชน์จาก FTA ต่างๆ บริษัทส่งออกข้าวรายใหญ่ของเวียดนาม อาทิ บริษัท Intimex JSC. บริษัท Loc Troi Group บริษัท VRICE Co. บริษัท Trung An High Technology Agriculture JSC. กำลังวางแผนที่จะแสวงหาลูกค้าใหม่ในตลาดที่เวียดนามได้ลงนามความตกลงการค้าเสรี โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร
กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามจะให้ข้อมูลแก่บริษัทส่งออกข้าวเกี่ยวกับ สถานการณ์ความต้องการของตลาดอย่างทันที และจะดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการค้าเพื่อช่วยผู้ส่งออกข้าว เวียดนามเข้าถึงลูกค้าได้ดีขึ้น นอกจากนี้กระทรวงฯ จะนำเสนอข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับกฎระเบียบและ อุปสรรคภายใต้ข้อตกลง FTA ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถเพิ่มความเข้าใจและจัดทำแผนการค้าที่เหมาะสม นอกจากนี้ สมาคมอาหารเวียดนามยังได้สร้างช่องทางการขายออนไลน์รวมทั้งจัดการสัมมนาการค้าออนไลน์ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวอีกด้วย
รัฐบาลเวียดนามแนะนำให้ผู้ส่งออกข้าวให้ความสำคัญกับสินค้าที่คุณภาพสูง และมีผลการส่งออกที่ดีรักษาด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของอาหาร เพื่อสามารถเข้าสู่ตลาดที่มีความต้องการด้านคุณภาพ และความปลอดภัยของอาหารอย่างสูง เช่น สหภาพยุโรป อเมริกา และแคนาดา นอกจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่าหากเวียดนามต้องการรักษาการเติบโตของการส่งออกข้าวในปี 2564 จำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่การสร้าง ห่วงโซ่มูลค่าข้าวที่ครบวงจรและควบคุมคุณภาพในการผลิต การแปรรูปและการจัดจำหน่ายสินค้า
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564