สหภาพยุโรป (อียู) พร้อมเดินหน้าการออก “วัคซีนพาสปอร์ต” หรือใบรับรองเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนและการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของบุคคลในรูปแบบดิจิทัลสำหรับพลเมืองประเทศสมาชิกให้ทันฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงซัมเมอร์นี้

 

นายดิดิเยร์ เรนเดอส์ กรรมาธิการด้านความยุติธรรมแห่งยุโรป เปิดเผยวานนี้ (8 มิ.ย.)ว่า คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นหน่วยงานฝ่ายบริหารของ สหภาพยุโรป (อียู) ได้หารือกับประเทศนอกภูมิภาค ได้แก่ อังกฤษและสหรัฐอเมริกาแล้ว ถึงแนวทางการใช้ ใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ร่วมกัน แต่ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก ขณะที่ในส่วนของอียูเอง พร้อมออกใบรับรองดังกล่าว โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป

 

นายเรนเดอส์แถลงหลังการประชุมรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของอียูว่า เนื่องจากสหรัฐอเมริกาไม่ประสงค์จะออก “วัคซีนพาสปอร์ต” จึงต้องหาหลักฐานประเภทอื่นมาใช้ทดแทนการรับรองการฉีดวัคซีน การหายป่วย หรือการตรวจโรคโควิด-19 ของพลเมืองอเมริกัน

 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคณะกรรมาธิการยุโรปเอง ขณะนี้กำลังจัดทำ “ข้อแนะนำฉบับใหม่ด้านการเดินทางอย่างเสรี” ในขั้นตอนสุดท้าย โดยนายเรนเดอส์แสดงความหวังว่า กฎระเบียบชุดใหม่ของอียูด้านการยกเลิกข้อจำกัดและอำนวยความสะดวกการเดินทางอย่างเสรีในภูมิภาคจะมีความคืบหน้าภายในสัปดาห์นี้

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ใบรับรองเกี่ยวกับโควิด-19 ในรูปแบบดิจิทัล (Digital COVID Certificate) ของสหภาพยุโรป ซึ่งคณะกรรมาธิการยุโรปเสนอจัดทำนั้น จะเอื้อประโยชน์ต่อการเดินทางที่ปลอดภัยในช่วงฤดูร้อนนี้ ทั้งยังสามารถตรวจสอบใบรับรองของแต่ละประเทศสมาชิกได้อย่างปลอดภัยและไม่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของพลเมือง 

โดยใบรับรองทั้งในรูปแบบดิจิทัลซึ่งสามารถแสดงบนหน้าจอสมาร์ทโฟน หรือพิมพ์ออกมาเป็นแผ่นกระดาษ จะเป็นหลักฐานยืนยันว่า ผู้ถือครองใบรับรองได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 , มีผลตรวจโรคเป็นลบ หรือหายจากอาการป่วยแล้ว ซึ่งจะช่วยให้สามารถตัดขั้นตอนการกักตัวหรือการตรวจหาเชื้อโควิดเพิ่มเติมเมื่อเดินทางข้ามพรมแดนออกไปได้ 

 

ทั้งนี้ ใบรับรองดังกล่าวของอียู จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป โดยจะให้เวลาเตรียมพร้อม 6 สัปดาห์สำหรับประเทศสมาชิกที่ต้องการเวลาดำเนินการเพิ่มเติม

 

ปัจจุบัน พลเมืองของ 27 ประเทศสมาชิกอียูนั้น มีผู้ที่ได้รับการออกใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิดแล้วจำนวนมากกว่า 1 ล้านคนใน 9 ประเทศสมาชิกที่เริ่มมีการออกใบรับรองแล้ว ซึ่งรวมทั้งเยอรมนี แต่ทางคณะกรรมาธิการยุโรปก็คาดหวังว่าจำนวนดังกล่าวจะมีเพิ่มมากขึ้นในสัปดาห์และเดือนหน้าก่อนที่ฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงหน้าร้อนจะมาถึง  

 

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

วันที่ 9 มิถุนายน 2564