สมาคมกิน-ดื่ม จับมือรุกรัฐจี้เลิกเคอร์ฟิว หนุนเปิดประเทศ1พ.ย. เตรียมบิ๊กอีเวนต์กระตุ้นใช้จ่าย

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจบนถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า วันที่ 12 ตุลาคมนี้ สมาคมจะเข้าร่วมประชุมหารือกับสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ไทย(TABBA) และเครือข่ายสมาคมการค้าในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ต รวม 4-5 สมาคม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ”เจาะลึกธุรกิจแอลกอฮอลล์ไทย เปิดข้อเสนอตอ่ภาครัฐ เตรียมพร้อมวันเปิดประเทศ “ผ่านโปรแกรมซูม เพื่อนำความเห็นและข้อเสนอแนะของการประชุม จัดทำเป็นหนังสือยื่นถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด–19 (ศปก.ศบค.)
 
นายสง่า กล่าวว่า ในการประชุมแต่ละสมาคมและผู้ประกอบการตัวแทนจะสะท้อนถึงปัญหาที่ธุรกิจและผู้ประกอบการกำลังเผชิญ และสถานการณ์หลังศบค.ผ่อนคลายมาตรการต่างๆครั้งล่าสุดตั้งแต่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาทั้งการขยายเวลาเปิดกิจการและลดเคอร์ฟิวอีก 1 ชั่วโมง เป็นช่วง 22.00-04.00 น. และการผ่อนปรนร้านอาหารให้มีการเล่นดนตรีได้ ซึ่งก็พบว่ามาตรการผ่อนคลายยังไม่แรงพอต่อการออกมานั่งทานอาหารนอกบ้าน หรือ จ้างนักดนตรีซึ่งถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและเงินจ้างไม่คุ้มกับรายได้ที่ได้รับ จึงมีแค่ร้านอาหารขนาดใหญ่และมีลูกค้าประจำเพียงพอระดับหนึ่ง จึงสามารถจ้างนักดนตรีได้
 
“อย่างร้านกินลมของผม ตัวเลขผู้เข้าใช้บริการและยอดขายดีขึ้น แต่โดยรวมก็ฟื้นตัวแค่ 50%เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด ส่วนร้านอาหารทั่วไปจากที่ได้สอบถาม รวมถึงร้านอาหารในถนนข้าวสารที่ยังไม่รายใดเปิดบริการ เพราะเห็นว่าการผ่อนคลายยังน้อยเกินไป ดังนั้น ในการประชุมเราหารือข้อเสนอให้ศบค.และรัฐบาลผ่อนปรนให้เริ่มจำหน่ายเครื่้องดื่มแอลกอฮอลล์ในร้านอาหารและโรงแรม และลดเวลาเคอร์ฟิว เป็น 24.00-04.00 น. ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป จากนั้นให้ผ่อนคลายกิจการที่เหลือและยกเลิกเคอร์ฟิว ไปพร้อมกับแผนการเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป โดยยังยึดหลักปฎิบัติเข้มงวดด้านสาธารณสุข แต่รัฐบาลก็ต้องดูแลด้านเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ควบคู่กันไปด้วย จากที่พูดคุยทุกสมาคมการค้า อัดอั้นมานานและทุกภาคส่วนเห็นพ้องที่รัฐบาลต้องประกาศเปิดประเทศทั้งหมด ก่อนเข้าเทศกาลปีใหม่ ” นายสง่า กล่าว
 
นายสง่า กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้มีการติดตามผลการเปิดรับนักท่องเที่ยวของภูเก็ต ซึ่งก็อนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในร้านอาหารและโรงแรมได้แล้ว แต่ก็ยังติดในเรื่องเวลาเปิดปิด และมาตรการState Quarantine หรือต้องอยู่ในสถานกักกันโรคแห่งรัฐตามกำหนด หากเทียบกับหลายประเทศที่เปิดประเทศและอิสระต่อการเดินทางและท่องเที่ยวได้ตามปกติ การคุมเข้มมากทำให้นักท่องเที่ยวมองว่าไทยยังไม่ปลอดภัยเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวไปประเทศเหล่านั้นแทนมาท่องเที่ยวไทย เช่น ตุรกีที่กำลังได้รับความนิยม ขณะที่สัปดาห์นี้เป็นโกลเดนท์วีคของจีนที่ชาวจีนหยุดยาวและเดินทางท่องเที่ยวมาไทยหลายหมื่นคนในช่วง ก็ไม่ได้มาเที่ยวไทยเลย ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน หากรัฐกำหนเปิดรับนักท่องเที่ยวก็ควรผ่อนคลายทั้งหมดที่ล็อกไว้ เพื่อฟื้นการดำเนินธุรกิจ กำลังซื้อ และเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป
 
”ดูจากตัวเลขภูเก็ตเปิดมาแล้ว 3 เดือน มียอดนักท่องเที่ยวแค่ 3 หมื่นคน รวมนักท่องเที่ยวไทยก็น้อยมาก เฉลี่ยต่อวันมีนักท่องเที่ยว 300 คน ต่ำกว่าปี2562 มากที่เฉลี่ยเข้าภูเก็ตวันละ 4 หมื่นคน เพราะยังติดในเรื่อง State Quarantine นักท่องเที่ยวมองว่าไม่คล่องตัว ทำให้ไปเที่ยวประเทศอื่นแทน หรือคนไทยก็ไม่ได้เข้าไปท่องเที่ยว ซึ่งเราประเมินว่า หากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะเริ่มฟื้นกำลังซื้อทันทีวันละ 100 ล้านบาท แต่ก็ยังเทียบช่วงปกติไม่ได้ที่สะพัดเกินพันล้านบาทต่อวัน” นายสง่า กล่าว
 
นายสง่า กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันรัฐบาลควรเตรียมแคมเปญหรืองานอีเวนต์ใหญ่จัดพร้อมกันทั้งประเทศ โดยเฉพาะการกระตุ้นคนไทยเที่ยวไทยเพราะแม้เปิดประเทศก็เชื่อว่าต่างชาติไม่ได้มาในทันที ตอนนี้ธุรกิจท่องเที่ยวต้องแบกรับต้นทุนการเปิดบริการ เนื่องจากผ่อนคลายเดินทางแต่คนพักค้างคืนแค่ศุกร์และเสาร์ แต่วันธรรมดาไม่มียอดพัก รัฐควรออกมาตรการจูงใจ เช่น ลดหย่อนภาษีจากค่าใช้จ่ายพักหรือจัดประชุมช่วงวันปกติ แคมเปญกระตุ้นกินเที่ยวไปพร้อมกัน สนับสนุนจัดงานอีเวนต์เพื่อสร้างบรรยากาศ เป็นต้น ในส่วนของถนนข้าวสารเตรียมหารือกับสำนักงานกรุงเทพมหานคร จัดงานอีเวนต์บนถนนข้าวสารทันทีที่รัฐประเทศผ่อนคลายให้เปิดได้ตามปกติ ทั้งกิน ดื่ม เที่ยว โดยตอนนี้ธุรกิจและผู้ประกอบการเตรียมความพร้อม เพียงหวังว่ารัฐบาลจะไม่เลื่อนการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ออกไปอีก หากล่าช้าออกไปอีกเหลือที่เลื่อนมาแล้ว 1 เดือนก็จะทำให้ไทยล่าช้าต่อการดึงต่างชาติเที่ยวไทย เพื่อมาฉลองเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นอีกช่วงทำรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจ
 
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 8 ตุลาคม 2564

@Admin TVBC

สนใจสมัครสมาชิกหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายเลขานุการฯ
โทร: 02-018-6888 ต่อ 4340
Email: tvbc.secretariat@gmail.com

:)