ภารกิจต่างๆของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ณ ประเทศสหรัฐ
ในการให้การต้อนรับนาง London Breed นายกเทศมนตรีของเมืองซานฟรานซิสโก นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งได้ย้ำว่า เวียดนามกำหนดซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นท้องถิ่นที่มีชาวเวียดนามอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นท้องถิ่นสำคัญเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างท้องถิ่นต่างๆของเวียดนามกับสหรัฐ เป็นจุดแรกที่เวียดนามตั้งสถานกงสุลใหญ่ ณ ประเทศสหรัฐ เวียดนามมีความประสงค์ที่จะขยายความสัมพันธ์ระหว่างเมืองซานฟรานซิสโกกับท้องถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะกับนครโฮจิมินห์ของเวียดนามในด้านที่เป็นจุดแข็งของเมืองซานฟรานซิสโก เช่น เศรษฐกิจ การค้า วิทยาศาสตร์ การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล การรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น พร้อมทั้งเสนอให้ทั้งสองฝ่ายผลักดันการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ โดยเฉพาะในระดับประชาชน อำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ให้แก่ชุมชนชาวเวียดนามประมาณ 50,000 คนที่กำลังอาศัยที่นี่
ส่วนนาง London Breed นายกเทศมนตรีของเมืองซานฟรานซิสโก ได้ชื่นชมผลสำเร็จในด้านเศรษฐกิจสังคม การป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 การเปิดประเทศ ฟื้นฟูและพัฒนาของเวียดนาม โดยเฉพาะมีความประสงค์ที่จะศึกษามาตรการที่เวียดนามสามารถระดมการเข้าร่วมของประชาชนในการป้องกันโรคระบาดได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด -19
ในวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ให้การต้อนรับนาง Nina Hachigian รองนายกเทศมนตรีของเมืองลอสแอนเจลิส โดยเสนอให้ขยายความร่วมมือระหว่างนครต่างๆของเวียดนามกับเมืองลอสแอนเจลิสเช่นเดียวกับความสัมพันธ์ร่วมมือที่มีประสิทธิภาพระหว่างซานฟรานซิสโกกับนครโฮจิมินห์ ขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล การรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น พร้อมทั้งมีความประสงค์ว่า จะผลักดันการส่งออกสินค้าการเกษตรและสัตว์น้ำไปยังตลาดสหรัฐ โดยเฉพาะเมืองลอสแอนเจลิสให้มากขึ้น
ส่วนนาง Nina Hachigian รองนายกเทศมนตรีของเมืองลอสแอนเจลิสได้แสดงความหวังว่า จะขยายความร่วมมือกับเวียดนามให้มากขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะการจัดตั้งเมืองคู่มิตรกับกรุงฮานอยและการเพิ่มเที่ยวบินเวียดนาม ลอสแอนเจลิสมากขึ้น
ส่วนในการให้การต้อนรับ ศ.ดร. Ruth O’Hara ประธานสภาศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย Stanford และคณะผู้แทนของมหาวิทยาลัย Stanford นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้แสดงความประสงค์ว่า ทางมหาวิทยาลัยฯ จะส่งเสริมความร่วมมือและให้การช่วยเหลือเวียดนามมากขึ้น ปฏิบัติข้อตกลงที่ได้ลงนามระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะข้อตกลงที่ลงนามในกรอบการเยือนครั้งนี้ สนับสนุนเวียดนามปรับปรุงกลไก ถ่ายทอดประสบการณ์ในการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 การฝึกอบรมแหล่งบุคลากรและร่วมมือในการวิจัย การผลิตอุปกรณ์การแพทย์และยารักษาโรค เป็นต้น
โดยเฉพาะมีความประสงค์ว่า ทางมหาวิทยาลัยฯ จะช่วยเวียดนามจัดทำฐานข้อมูลและการฝึกอบรมด้านปัญญาประดิษฐ์ เป็นต้น ส่วนศ.ดร. Ruth O’Hara ได้เผยว่า มหาวิทยาลัย Stanford เป็นศูนย์กลางด้านวิทยาศาสตร์และการศึกษาซึ่งที่มีนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญชาวเวียดนามทำงานที่นี่ด้วย มหาวิทยาลัยฯมีจุดแข็งด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะด้านการแพทย์ ซึ่งสามารถประสานงานกับเวียดนามปฏิบัติโครงการเกี่ยวกับการแพทย์และโครงการฝึกอบรมวิศวกรด้าน AI ต่อไปเพื่อช่วยพัฒนาด้าน AI ให้แก่เวียดนาม
ส่วนในการให้การต้อนรับนาย Sandy Gupta รองประธานและผู้อำนวยการย่านเอเชีย – แปซิฟิกและบรรดาผู้บริหารของกลุ่มบริษัท Microsoft ในเช้าวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้แสดงความยินดีต่อผลสำเร็จของกลุ่มบริษัทฯในเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะการปฏิบัติโครงการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลในทั่วโลก พร้อมทั้งเสนอให้ทางกลุ่มบริษัทฯ ปฏิบัติโครงการต่างๆในเวียดนามอย่างมีประสิทธิภาพและยื่นข้อเสนอต่างๆเพื่อช่วยให้เวียดนามปฏิบัติโครงการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล สร้างสรรค์รัฐบาลดิจิทัล สังคมดิจิทัลและพลเมืองดิจิทัลให้ประสบความสำเร็จ ส่วนนาย Sandy Gupta ได้เผยว่า ทางบริษัทฯ พร้อมร่วมมือกับเวียดนามในการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล การรักษาความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ต ช่วยให้เวียดนามบรรลุเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้อยู่ที่ 0% ภายในปี 2050 มีส่วนร่วมช่วยเวียดนามสร้างสรรค์เศรษฐกิจแห่งสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ในบ่ายวันเดียวกันตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ไปเยือนกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ประกอบด้วย บริษัท Intel บริษัท Apple และบริษัท Google โดยเสนอให้กลุ่มบริษัทชั้นนำเหล่านี้ให้ความสนใจขยายการลงทุนประกอบธุรกิจในเวียดนามต่อไปโดยเฉพาะในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและการสร้างความหลากหลายให้แก่ห่วงโซ่อุปทานโลก
ส่วนในการพบปะหารือกับสถานประกอบการเวียดนามที่กำลังประกอบธุรกิจด้านการเงินและเทคโนโลยีในประเทศสหรัฐ นายกรัฐมนตรีได้สงวนเวลาส่วนใหญ่เพื่อวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวทาง ยุทธศาสตร์และเป้าหมายการพัฒนาประเทศเวียดนามในปีต่อๆไป พร้อมทั้งแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากและความท้าทายต่างๆที่สถานประกอบการเวียดนามในสหรัฐต้องรับมือในสภาวการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ขอบคุณการช่วยเหลือของชมรมสถานประกอบการต่อภารกิจการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในเวียดนาม ตลอดจนกำชับให้ทุกคนพยายามอย่างสุดความสามารถต่อไปและมุ่งใจสู่ประเทศ มีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือในทุกด้านเวียดนาม – สหรัฐ
ส่วนในการเข้าร่วมการประชุมส่งเสริมการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวเวียดนาม – สหรัฐภายใต้หัวข้อ Rediscovering VietNam ณ เมืองซานฟานซิสโก ในเช้าวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ยืนยันว่า ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การค้าและการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญของความสัมพันธ์เวียดนาม – สหรัฐ โดยการค้าต่างตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 17-20 ต่อปี สหรัฐเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่อันดับสองของเวียดนามและเวียดนามเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่อันดับ 9 ของสหรัฐ ดังนั้นหวังว่า ความสัมพันธ์ร่วมมือในด้านเศรษฐกิจระหว่างสองฝ่ายจะนับวันพัฒนามากขึ้น เวียดนามให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาตลาดเงินทุน การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล การปรับเปลี่ยนด้านพลังงาน การรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การท่องเที่ยวและการค้า เสนอให้หุ้นส่วนสหรัฐพิจารณาและผลักดันความร่วมมือในด้านเหล่านี้และสนับสนุนเวียดนามในการให้คำปรึกษาด้านนโยบาย แหล่งเงินทุนและแหล่งบุคลากร เป็นต้น
ส่วนสถานประกอบการเวียดนามได้หารือกับหุ้นส่วนสหรัฐเกี่ยวกับสินค้าและการบริการที่มีศักยภาพในการส่งออกไปยังเวียดนามและโอกาสการลงทุนประกอบธุรกิจในสหรัฐ
ที่มา vovworld.vn
วันทรี่ 18 พฤษภาคม 2565