เวียดนามชนะสงครามการค้าแต่ประสบปัญหา
ผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนให้แก่กลุ่มฟ็อคคอนเทคโนโลยี และบริษัท ซัมซุงอิเล็คโทรนิคส์ จำกัด ในจีน ประมาณ 60 บริษัทกำลังมองหาที่ตั้งโรงงานใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ในเวียดนามเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นอากรนำเข้าสหรัฐที่พุ่งเป้าต่อสินค้าจีน ในขณะที่รัฐบาลอเมริกันเพิ่มแรงกดดันต่อเวียดนามเพื่อให้เวียดนามลดยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกา
เวียดนามได้ประโยชน์มากจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน แต่เวียดนามกำลังเผชิญ ความเสี่ยงที่อาจถูกสหรัฐเพี่มอัตราภาษีนำเข้าเพื่อลงโทษที่เวียดนามเกินดุลการค้าสหรัฐอเมริกาจำนวนมาก ปีที่แล้วมูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาคิดเป็น 20% ของจีดีพี และเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่ากับ 26% ในช่วงเวลาครึ่งปีแรกของปีนี้ (2562)
เวียดนามมีแรงงานราคาถูก รัฐบาลมีเสถียรภาพและมีสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการทำธุรกิจ เวียดนามจึงดึงดูดใจนักลงทุน บริษัท อินเทลคอร์ป และบริษัท ซัมซุงจ้างแรงงานในเวียดนามรวมกันมากกว่า 182,000 คน เพื่อผลิตโทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วน
ในช่วง 6 เดือน แรกปีนี้ (2562) เวียดนามออกใบอนุญาตลงทุนสูงถึง 1,720 โครงการ ซึ่งเพิ่มขึ้น 26 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
เวียดนามคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 6.8 % ในปีนี้ การพึ่งพาการส่งออกมากเกินไปทำให้เวียดนาม ได้รับผลกระทบจากการกีดกันทางการค้า
ในปี 2561 เวียดนามเกินดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกาคิดเป็นมูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หกเดือนแรกปีนี้(2562) เวียดนามเกินดุลการค้าสหรัฐ 25,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มสูงขึ้น 39% จากระยะเวลาเดียวกันในปีก่อน รัฐบาลอเมริกันกล่าวหาว่าเวียดนามส่งออกสินค้าที่ผลิตในจีนไปยังสหรัฐ ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ สหรัฐขึ้นบัญชีเวียดนามว่าเป็นประเทศที่อาจบิดเบือนค่าเงิน เพื่อบีบเวียดนามให้ลดยอดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐ สินค้าส่งออกจากเวียดนามไปตลาดสหรัฐที่เสี่ยง ถูกขึ้นภาษีได้แก่สิ่งทอ คอมพิวเตอร์และอาหารทะเล
เวียดนามพยายามลดแรงบีบจากสหรัฐด้วยการซื้อสินค้าอเมริกันมากขึ้น เช่น เครื่องบินโบอิ้ง แก๊สแอลเอ็นจี เป็นต้น นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุกได้สั่งให้เร่งปราบปรามสินค้าจีนที่ส่งผ่านเวียดนาม ไปตลาดสหรัฐฯ
ที่มา : บลูมเบิร์กบิสสิเนสวีค วันที่ 6 สิงหาคม 2562