สต๊อกข้าวสารไทย 6 ล้านตัน ยันพอบริโภคสู้โควิดแน่
ผู้ส่งออกข้าวเผยสต๊อกข้าวสารไทยมีกว่า 6 ล้านตัน เพียงพอบริโภคในประเทศและใช้ส่งออกได้อีก 6 เดือน ขณะมีผลผลิตใหม่จากชาวนาออกสู่ตลาดเป็นระยะไม่ต้องตื่นตระหนกซื้อตุนมากเกินไป ลุ้นเวียดนามจำกัดส่งออกข้าว 4 แสนตันต่อเดือน ไทยได้อานิสงส์
กระแสผู้บริโภคแห่ซื้อตุนสินค้าอุปโภค-บริโภค เช่น อาหารกระป๋อง ไข่ไก่ น้ำดื่ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รวมถึงข้าวสาร และอ่น ๆ จากเกรงจะเกิดการขาดแคลนของสินค้า หากสถานการณ์ไวรัสโคโรนา(โควิด-19) ยังลากยาวนั้น
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า จากการเช็กสต๊อกข้าวในมือผู้ประกอบการทั้งหมดเวลานี้มีประมาณ 6 ล้านตันข้าวสาร ถือว่าเพียงพอกับการส่งออกและบริโภคในประเทศอีกอย่างน้อย 6 เดือน ขณะที่ข้าวนาปรังรอบ 2 ที่จะเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายนจะมีผลผลิตอีกประมาณ 2 ล้านตันข้าวสาร มองว่าไม่น่าจะมีการขาดแคลนข้าวบริโภคในประเทศ ที่ปกติการบริโภคภายในจะตกประมาณเดือนละ 7 แสนตัน ขณะที่ปกติผู้ประกอบการจะมีสต๊อกสำรองเพื่อการค้าอยู่ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านตัน
ส่วนกรณีที่มีข่าว รัฐบาลเวียดนามจะห้ามหรือจำกัดการส่งออกข้าวหลังราคาข้าวในประเทศของเวียดนามสูงขึ้นจากการกักตุนกันเอง และห่วงว่าการเก็บเกี่ยวรอบหน้าจะมีปัญหาผลผลิตลดลงจากภัยแล้ง และมีข้าวบริโภคภายในไม่เพียงพอหากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังยืดเยื้อ ซึ่งจะมีผลได้-เสียต่อการส่งข้าวของไทยนั้น
เรื่องนี้ผู้ส่งออกไทยรอดูทิศทางว่ารัฐบาลเวียดนามจะประกาศเมื่อไร จะห้ามส่งออกทั้งหมดหรือกำหนดเป็นโควตา ซึ่งยังไม่มีข้อสรุป และยังไม่มีประกาศเป็นทางการ แต่ล่าสุดมีข่าวออกมาว่าเวียดนามจะไม่แบน หรือห้ามส่งออกข้าว แต่จะกำหนดปริมาณส่งออกของเดือนเมษายนและพฤษภาคมเดือนละไม่เกิน 400,000 ตัน หากเป็นเช่นนี้จริงอาจจะส่งผลให้การส่งออกข้าวของไทยดีขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเพราะยังมีประเทศส่งออกที่ยังมีศักยภาพในการส่งออกข้าวเช่นอินเดีย ปากีสถาน พม่า ซึ่งยังไม่มีนโยบายจำกัดการส่งออกและมีราคาที่ต่ำกว่าไทยข้าวไทย
อย่างไรก็ ณ ปัจจุบัน ราคาข้าวส่งออกของไทย(ราคาเอฟโอบี) ปรับตัวสูงขึ้น โดยข้าวขาว 5% เฉลี่ยที่ 550 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันจากช่วงต้นปีอยู่ที่ 380-390 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ส่วนข้าวเวียดนามล่าสุดอยู่ที่ 430 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และข้าวอินเดียที่ 370 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 1 เมษายน 2563