ปธ.แอสตร้าฯ เปิดใจครั้งแรก ตอบทุกคำถามที่คนไทยสงสัย

หมายเหตุ… “มติชน” – มร.เจมส์ ทีก ประธานบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ในเวที “สร้างภูมิคุ้มกัน ฝ่าภัยโควิด” จัดโดย นสพ.ประชาชาติธุรกิจ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564
 
ถือเป็นครั้งแรกที่นั่งให้สัมภาษณ์อย่างเต็มรูปแบบกับสื่อไทย :
ใช่ อย่างแรกต้องขอบคุณที่เชิญมาที่ให้โอกาส ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาขึ้นเวทีร่วมกับนักธุรกิจชั้นนำของไทย
 
มีประเด็นที่คนพูดถึงเกี่ยวกับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามากมาย ทำไมที่ผ่านมาคุณถึงไม่คอยได้พูดเท่าใดนัก :
มีประเด็นมากมายที่สื่อรายงานเกี่ยวกับแอสตร้าเซนเนก้าในช่วง 6-8 เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่เราให้ความสนใจสูงสุดมีเพียงอย่างเดียวคือการทำให้มั่นใจว่าทุกคนในไทยได้รับการฉีดวัคซีน และเราผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพสูงและมีประสิทธิภาพในการรับมือกับไวรัสเท่าที่ทำได้ นั่นคือสิ่งสำคัญสำหรับบริษัทของเรา สิ่งที่เราให้ความสำคัญคือทำให้มั่นใจว่าเราสื่อสารอย่างมีประสิทธิผล ทำให้มั่นใจว่าซัพพลายเชนของเราในไทยเป็นไปด้วยดีและมีความสม่ำเสมอ ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่ดีที่เราจะออกมาพูดกับคนไทยว่าเราทำอะไร และทำอย่างไร เพื่อให้คนรู้จักบริษัทของเราที่ทำธุรกิจในไทยมาแล้วกว่า 40 ปีดีขึ้น
 
เมื่อไหร่ที่คิดว่าจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ได้ ที่คนไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย ไม่ต้องรักษาระยะห่างทางสังคม หรือนั่นจะเป็นไปไม่ได้ :
ผมคิดว่าในแง่ของการมองภาพใหญ่ สิ่งที่วิทยาศาสตร์และวิวัฒนาการของไวรัสบอกเรา คือเราจะต้องใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มอลกับโควิด-19 เหมือนกับโรคระบาดอื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอย่างไข้หวัดใหญ่ โควิดจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราทุกคนคือการฉีดวัคซีนให้กับคนที่มีคุณสมบัติที่จะฉีดวัคซีนทุกคนให้ได้มากที่สุดเพื่อชะลอการแพร่ระบาด ซึ่งจะช่วยลดการเจ็บป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
 
จากวัคซีน 1,300 ล้านโดสที่เราส่งมอบไปยังมากกว่า 170 ประเทศทั่วโลก วัคซีนของเราสามารถทำให้คนหลายแสนคนไม่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และรักษาชีวิตคนอีกหลายหมื่นคน นั่นคือสิ่งสำคัญที่ว่าทุกคนควรฉีดวัคซีน และข้อมูลจากกรุงเทพขณะนี้มีการฉีดวัคซีนให้กับคนกลุ่มเสี่ยงมากกว่า 60% และเราเห็นได้ชัดถึงผลที่เกิดขึ้นจากจำนวนคนที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและอัตราการเสียชีวิต
 
สำหรับการคาดการณ์ถึงอนาคต มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ในแง่การรักษาระยะห่างทางสังคมมันจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เราซึ่งเราจะคุ้นเคยกับมัน ส่วนการสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นเรื่องที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาลไทยจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร ความเห็นของคนแต่ละคนเกี่ยวกับการสวมใส่หน้ากากอนามัยก็แตกต่างกัน แต่จากมุมมองที่เห็นมันเป็นเรื่องของการปกป้องตัวเอง และหน้ากากอนามัยก็สามารถชะลอการแพร่ระบาดได้ไม่ต่างจากการฉีดวัคซีน
 
ทำไมบางครั้งการส่งมอบวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีความล่าช้าหรือไม่สม่ำเสมอ :
สิ่งสำคัญที่จะต้องพูดถึงคือการเดินทางของวัคซีนในไทยและการทำงานกับพันธมิตรของเราที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้จริง ในช่วงต้นเมื่อเดือนเมษายนที่เราทำสัญญากับออกซ์ฟอร์ด/แอสตร้าเซนเนก้า เราต้องการผลิตวัคซีนออกมาป้อนโลก เราอยากทำได้โดยไม่สนใจเรื่องรายได้หรือเรื่องภูมิศาสตร์ แต่จะทำอย่างนั้นได้เราต้องสร้างเครือข่ายโรงงานผลิตขึ้นทั่วโลก ซึ่งวันนี้เรามีสัญญาที่จะทำการผลิตขึ้นกับ 25 โรงงานเพื่อผลิตวัคซีนป้อนโลก
 
ผมจำได้ถึงวันแรกที่เราติดต่อกับบริษัทปูนซีเมนต์ไทย (เอสซีจี) สยามไบโอไซแอนท์ (เอสบีเอส) ศึกษาความเป็นไปได้ของบริษัทและดูว่าเขาจะทำงานร่วมกับแอสตร้าเซนเนก้าเพื่อผลิตวัคซีนได้หรือไม่ สิ่งสำคัญที่เราอยากให้ทุกคนเข้าใจคือสิ่งที่เราทำสำเร็จได้ภายในเวลา 9 เดือนเมื่อเทียบกับกรณีทั่วไปที่ต้องใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี ซึ่งไม่ใช่แค่การตรวจสอบวัคซีนที่ผลิตขึ้น แต่ยังรวมถึงการสร้างโรงงาน และการนำส่งวัคซีนเป็นล้านๆ โดสถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ ซึ่งต้องขอบคุณพนักงานของเราทุกคนที่อุทิศตนเพื่อให้ทำสิ่งนี้ได้ รวมถึงพันธมิตรของเราในไทย เพราะโรคระบาดส่งผลกระทบกับทุกคนในไทย แต่เมื่อดูว่าคนในทีมต้องทำงานหนักเพียงใดเพื่อให้สามารถส่งมอบวัคซีนได้ เรารู้ถึงความรับผิดชอบของเราในฐานะบริษัท และเอสบีเอสก็ตระหนักถึงความรับผิดชอบของบริษัทในการส่งมอบวัคซีนเช่นกัน จนถึงขณะนี้เอสบีเอสได้ส่งมอบวัคซีนให้กับแอสตร้าเซนเนก้าไปแล้วถึง 50 ล้านโดส ขณะที่แอสตร้าเซนเนก้าได้ส่งมอบวัคซีนให้ไทยไปแล้ว 24 ล้านโดส
 
ดังนั้นต่อคำถามของคุณคือเราต้องใช้เวลาในการสร้างซัพพลายเซน แต่เราก็ทำมันได้ตั้งแต่การถ่ายทอดเทคโนโลยีเดือนตุลาคมปีก่อน เราสามารถส่งมอบวัคซีนโดสแรกให้กับไทยได้ในวันที่ 7 มิถุนายน ตามที่เราให้สัญญาไว้ และเรายังคงส่งมอบวัคซีนให้กับไทยอย่างต่อเนื่องทุกเดือนราว 5-6 ล้านโดส และในเดือนกันยายนเราส่งมอบวัคซีน 8 ล้านโดสให้กับไทย
 
จริงๆ บริษัทสัญญาจะส่งให้ไทยเดือนละกี่ล้านโดส :
ตั้งแต่แรกที่เราลงนามระหว่างกระทรวงสาธารณสุข เอสบีเอส กับแอสตร้าเซนเนก้า เราบอกว่าซัพพลายเชนนี้มีขึ้นในไทย สำหรับไทยและสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นเป็นเรื่องสำคัญเพราะซัพพลายเซนที่นี่เป็นที่สุดท้ายในเครือข่ายของเรา เราสัญญาว่าเราจะแบ่งปันวัคซีน 30% ให้กับไทยทุกเดือน ส่วนที่เหลือเราจะส่งออกให้กับประเทศในภูมิภาค เพราะโรคระบาดเกิดขึ้นในทุกประเทศ และไม่ใช่เรื่องที่เราจะต่อสู้กับมันได้เพียงลำพัง แต่เราต้องต่อสู้กับมันด้วยกัน นี่คือสิ่งที่คนไทยควรภูมิใจกับบทบาทของไทยในการต่อสู้กับโควิด-19 ในภูมิภาค ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราพูดในจดหมายว่าเราน่าจะส่งวัคซีนให้ไทยเฉลี่ยเดือนละ 5-6 ล้านโดสต่อเดือน ซึ่งเราก็ส่งให้กับไทยได้ตามนั้น สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราคือการนำส่งวัคซีนให้กับไทยเพื่อให้คนสามารถฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม เรามีแผนจะส่งมอบวัคซีน 2.2 ล้านโดสให้กับไทย เห็นได้ชัดเจนว่าเราเพิ่มจำนวนการผลิตและส่งมอบให้กับไทยเพิ่มมากขึ้น
 
พูดถึงคุณภาพของวัคซีนที่ผลิตได้ในไทย มันเหมือนกับที่ผลิตได้ในที่อื่นอย่างอังกฤษหรือยุโรปหรือไม่ :
ดีใจที่ถามคำถามนี้ เพราะนี่คือเรื่องหนึ่งที่เราถูกถามเยอะมาก และสื่อไทยก็มีการรายงานข่าวเรื่องนี้บ่อยๆ ไม่มีอะไรสำคัญสำหรับแอสตร้าเซนเนก้าไปมากกว่าความปลอดภัยของคนไข้และคุณภาพของยาของเรา วัคซีนที่เราผลิตในโรงงานทั้ง 25 แห่งจะมีการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดเหมือนกันทุกแห่ง เราต้องทำการทดสอบมากกว่า 60 ครั้งในขั้นตอนการผลิตวัคซีนซึ่งใช้เวลา 120 วัน ครึ่งหนึ่งของมันหรือ 60 วันใช้ไปกับการทดสอบ ซึ่งทำขึ้นเหมือนกันทั้งในสหรัฐ อังกฤษ และในห้องแล็บในไทย
 
สิ่งสำคัญคือทุกคนสามารถเชื่อถือในคุณภาพของวัคซีนได้ แอสตร้าเซนเนก้าจะไม่ปล่อยวัคซีนออกไปถ้ามันไม่ได้มีคุณภาพเดียวกัน บางครั้งนั่นอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการส่งมอบวัคซีนให้กับกรมควบคุมโรค เพราะมันใช้เวลา มีเอกสารที่ต้องดูกันเป็นพันๆ หน้าเกี่ยวกับการตรวจสอบคุณภาพของวัคซีน ดังนั้นทุกคนสามารถมั่นใจได้ว่าคุณภาพของวัคซีนจะเหมือนกันไม่ว่าจะผลิตในอังกฤษหรือในไทย
 
สิ่งที่อยากแบ่งปันกับทุกคนคือเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โรงงานผลิตวัคซีนของเอสบีเอสเพิ่งได้รับการรับรองหน่วยงาน Therapeutic Goods Administration (TGA) ของออสเตรเลีย และเรากำลังรอการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลกซึ่งเราคาดว่าจะมีการประกาศรับรองในเร็วๆ นี้
 
หากคุณภาพวัคซีนเป็นแบบเดียวกัน ทำไมองค์การอนามัยโลกยังไม่รับรองแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในไทย หรือแม้แต่ในอังกฤษก็ยังไม่รับรองเช่นกัน :
มันอยู่ที่การจัดวางความสำคัญ สิ่งที่บริษัทของเราในไทยให้ความสำคัญในตอนแรกคือการสร้างซัพพลายเชนและเครือข่าย ซึ่งเราได้เริ่มส่งมอบให้กับคนไทย เมื่อการส่งมอบวัคซีนเป็นไปด้วยดีแล้วตอนนี้เราก็มุ่งไปที่การได้รับการอนุมัติตามกฎข้อบังคับ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เร็ว แต่เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เอกสารรวมถึงหลักฐานต่างๆ ที่แอสตร้าเซนเนก้าต้องยื่นประกอบเป็นจำนวนมาก
 
เรายินดีที่ TGA ของออสเตรเลียรับรองโรงงานของเอสบีเอสแล้ว นั่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับไทยที่จะก้าวไปข้างหน้าให้ไกลกว่าโควิด-19 ที่บริษัทข้ามชาติต่างๆ พากันมาสร้างซัพพลายเซนในไทย ที่ได้รับการยอมรับและรับรองจากหน่วยงานกำลับดูแลที่เข้มงวดแล้ว จึงน่าจะมีบริษัทข้ามชาติจำนวนมากที่มั่นใจในศักยภาพของประเทศไทย และเป็นโอกาสในการลงทุนที่ดีในอนาคต
 
แต่ขณะนี้อังกฤษก็ยังไม่รับรองวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในไทย และทำให้คนฉีดวัคซีนจากไทยไม่สามารถเดินทางเข้าอังกฤษได้ :
ในคำแนะนำของอังกฤษมันไม่ใช่แค่เรื่องวัคซีน ดูตัวอย่างเช่นมาเลเซียหรือไต้หวัน ซึ่งเอสบีเอสก็ผลิตวัคซีนป้อนให้เช่นกัน ก็ได้รับการรับรองจากอังกฤษ เมื่อคุณพูดว่าวัคซีนไม่ได้รับการยอมรับ ความจริงแล้วมันไม่ใช่แค่ตัววัคซีนเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงวัคซีนพาสปอร์ต แต่ผมทราบว่ารัฐบาลทั้งสองประเทศกำลังทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้
 
บริษัทได้ทำอะไรในเรื่องนี้ด้วยไหม :
งานของเราคือการทำให้ได้รับการอนุมัติตามกฎข้อบังคับ คือการยื่นเรื่องต่อองค์การอนามัยโลกให้รับรองโรงงานของเรา หน้าที่ของเราในไทยคือการผลิตและทำการส่งมอบวัคซีน และทำให้ได้รับการรับรองจากหน่วยงานในออสเตรเลียและองค์การอนามัยโลก ส่วนของหน่วยงานอังกฤษเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทย กระทรวงสาธารณสุข และกรมควบคุมโรค จะต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้รับการรับรอง
 
เท่าที่บริษัททำการศึกษา การฉีดวัคซีนหลายยี่ห้อไขว้กันอย่างที่ทำในไทยขณะนี้มีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด :
หน้าที่ของแอสตร้าเซนเนก้าคือการผลิตวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ส่วนที่ว่าจะมีการนำวัคซีนไปใช้อย่างไรเป็นการตัดสินใจของกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาล ภายใต้การทำงานร่วมกันกับสถาบันวิชาการในประเทศ แอสตร้าเซนเนก้าได้พูดคุยกับกรมควบคุมโรคเพื่อให้แน่ใจถึงประสิทธิภาพของวัคซีนเท่านั้น ไม่ว่ากรมควบคุมโรคจะบริหารจัดการวัคซีนอย่างไรก็ตาม ในแง่ของบริษัท เราสามารถพูดได้ว่าจากหลักฐานล่าสุดในอังกฤษ การฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 โดสจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์เดลต้าได้ถึง 92% ซึ่งน่าจะทำให้คนมั่นใจถึงประสิทธิภาพในการป้องกันของวัคซีนได้
 
จริงหรือไม่ที่มีข่าวว่ามีการปรับสูตรวัคซีนเพื่อแก้ไขปัญหาลิ่มเลือดอุดตัน :
หากเราดูว่ามีการใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไปแล้วกว้างขวางถึงกว่า 1,300 ล้านโดสในกว่า 170 ประเทศ สิ่งที่เราเห็นคือวัคซีนมีประสิทธิภาพสูง ตัววัคซีนเองปลอดภัยสูงในการใช้และสามารถรับมือกับโรคได้ เรายังคงผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าต่อไป สิ่งที่เรามุ่งความสนใจคือการนำส่งวัคซีนหลายพันล้านโดส และมุ่งความสนใจไปที่การนำส่งวัคซีน 61 ล้านโดสให้กับรัฐบาลไทยได้ในปีนี้
 
ข้อมูลจากการทดลองทางคลีนิคที่แอสตร้าเซนเนก้าศึกษา มีหลักฐานว่าผู้ป่วยหลายล้านคนซึ่งได้รับวัคซีนได้แสดงให้เห็นแล้วว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพและคนทั่วไปสามารถใช้ในการป้องกันโควิดได้
 
ตอนนี้บริษัทกำลังทำอะไรต่อไป กำลังพัฒนาวัคซีนเจนเนอเรชั่นใหม่หรือไม่ :
ธุรกิจหลักของแอสตร้าเซนเนก้าในไทย 3 เรื่องหลัก คือ 1.เรื่องหัวใจและหลอดเลือด ไต และเมทาบอลิซึม 2.เรื่องเนื้องอก และ 3.ระบบการหายใจ ภูมิคุ้มกัน และโรคติดเชื้อ เรามีงานใหญ่ในไทยที่จะทำให้มั่นใจว่าคนไข้เข้าถึงการรักษา และมีนวัตกรรมต่างๆ เมื่อผมมารับตำแหน่งประธานแอสตร้าเซนเนก้าในไทยใหม่ๆ ชื่อของเราไม่เป็นที่รู้จักมากนักในไทย แต่ตอนนี้คนไข้จำนวนมากหลายล้านคนทานยาของแอสตร้าเซนเนก้านอกเหนือจากวัคซีน ในปลายปีนี้จะมีคนไทยราว 40% ที่บริโภคยาของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งจะทำให้เห็นบทบาทที่สำคัญของเราในเรื่องการดูแลสุขภาพของคนไข้
 
ยังมีงานใหญ่ที่เราต้องทำต่อไปในไทย อย่างโรคหอบหืดซึ่งมีคนราว 30% ในไทยที่ป่วยด้วยโรคนี้ โรคไตเรื้อรังที่น่าจะมีผู้ป่วยถึง 8 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค หรือมะเร็งปอดที่เป็นมะเร็งซึ่งคนไทยเป็นมากที่สุดเป็นลำดับ 3 ซึ่งมีราว 24,000 เคสต่อปี 

@Admin TVBC

สนใจสมัครสมาชิกหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายเลขานุการฯ
โทร: 02-018-6888 ต่อ 4340
Email: tvbc.secretariat@gmail.com

:)